จับ ‘ไอ้โมท’ ทำร้ายหนุ่ม-ฉุดแฟนสาวขัง อ้างมีเรื่องกับฝ่ายชายมาก่อน

จับ ‘ไอ้โมท’ ทำร้ายหนุ่ม-ฉุดแฟนสาวขัง อ้างมีเรื่องกับฝ่ายชายมาก่อน

จากกรณีที่ นายปราโมท จิตรสงัด หรือ โมท ก่อเหตุทำร้ายชายหนุ่มรายหนึ่ง ก่อนจะฉุดแฟนสาวัย 22 ปี ของหนุ่มรายดังกล่าว บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ จ.นครนายก และได้นำตัวหญิงสาวไปขังไว้ที่บ้านญาติที่ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งผู้เสียหายได้อาศัยช่วงที่นายปราโมท หลับ หนีออกมาขอความช่วยเหลือชาวบ้านในบริเวณดังกล่าว

ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 15.30 น. ของวันนี้ (22 พ.ย.) ตำรวจสภ.เมืองนครนายก 

สามารถจับกมนายปราโมทได้แล้ว บริเวณทางเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 9 บ้านโคกลำดวน ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก เนื่องจากมีชาวบ้านพบรถกระบะสีแดง หมายเลขทะเบียน บท 4103 ปราจีนบุรี ของนายปราโมท จอดอยู่ในพื้นที่

เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึง นายปราโมทก็รีบวิ่งหนีเข้าทุ่งนา โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมพื้นที่เพื่อติดตามจับกุม จนจับกุมได้ห่างจากจุดแรกที่เจอประมาณ 1 กม.

จากการสอบสวน นายปราโมท ได้อ้างว่า ก่อนเกิดเหตุ มีเรื่องกับผู้ชาย คนที่มากับผู้เสียหาย และปฏิเสธว่าไม่ได้ลงมือทำร้ายผู้หญิง หลังจากนั้น ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครนายก และชุดสืบ สภ.เมืองนครนายก ได้ควบคุมตัวนายปราโมท ไปทำแผนที่บริเวณจุดเกิดเหตุอ่างเก็บน้ำห้วยปรือ ก่อนที่จะพาตัวมายัง สภ.เมืองนครนายก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันนี้ (21 พ.ย.) ตำรวจสภ.บางปะอิน ได้รับแจ้งเหตุยิงกัน บริเวณข้างบ้านเลขที่ 38 ม.3 ต.ตลาดเกรียบ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยในที่เกิดเหตุพบศพของน.ส.วรวลัญช์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ชาวจ.อ่างทอง สภาพสวมชุดนอนมีบาดแผลถูกยิงบริเวณไหล่ข้างซ้ายทะลุ นอนหงายจมกองเลือดใกล้กันพบอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก

นอกจากนั้น ยังพบผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย คือ นายสิทธิพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นสามีของผู้เสียชีวิตและเป็นผู้ก่อเหตุ สภาพถูกยิงศีรษะทะลุเบ้าตา เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

นางธวัลรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี แม่ของน.ส.วรวลัญช์ ซึ่งก็บาดเจ็บถูกลูกหลงอาวุธปืนยิงเฉียดหัวไหล่ซ้าย เผยว่า นายสิทธิพรเป็นสามีของน.ส.วรวลัญช์ แต่ได้เลิกรากันไปแล้ว 1 เดือน โดยวันนี้เป็นวันเกิดของลูกชายซึ่งอายุ 4 ขวบ น.ส.วรวลัญช์จึงพาลูกชายมาส่งที่บ้านนายสิทธิพร เมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อจัดงานวันเกิด

กระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. ลูกชายได้วีดีโอคอลผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์มาหาน.ส.วรวลัญช์ว่าอยากกลับบ้านแล้วให้มารับด้วย ซึ่งน.ส.วรวลัญช์เห็นนายสิทธิพรถือปืนโชว์อยู่ขณะคุยกับลูกชาย จึงได้ชวนตนขับรถกระบะออกมารับลูกชายที่บ้านของผู้ก่อเหตุ

จับวัยรุ่น 18 ขืนใจเด็ก 14 คืนวันลอยกระทง ก่อนนำไปทิ้งป้ายรถเมล์

วานนี้ (15 พ.ย.) ตำรวจรวบตัวนายทีม (สงวนชื่อจริง) อายุ 18 ปี ที่ข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ในคืนวันลอยกระทงหลังย่าผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ สน.โชคชัยเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อนายทีมขับรถจักรยานยนต์ไปรับ ด.ญ.บี ที่บ้านพักย่านถนนสุขาภิบาล 5 ก่อนพาไปยังห้องพักย่าน ลาดพร้าว-วังหิน ซึ่งเป็นของเพื่อนนายทีม เมื่อไปถึงห้อง นายทีมออกอุบายให้เพื่อนออกไปจากห้อง ก่อนใช้กำลังบังคับขืนใจ ด.ญ.บี

หลังจากนั้น นายทีมได้พา ด.ญ.บี ซ้อนท้ายจักรยานยนต์ไปปล่อยทิ้งไว้ที่ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตบางกะปิ เพื่อให้เด็กหญิงนั่งรถเมล์กลับบ้าน แต่เจ้าตัวนั่งรถเมล์จนเพลียหลับ ก่อนมาตื่นและหน้าลงป้ายรถเมล์หน้าห้างมาบุญครอง และนั่งร้องไห้ จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน มาพบ จึงสอบถาม ด.ญ.บี เมื่อรู้ว่าถูกข่มขืน เจ้าหน้าที่จึงพา ด.ญ.บี มาส่งที่ สน.โชคชัย

หลังถูกจับกุม นายทีม สารภาพว่า ตนมีอาชีพขับสามล้อรับจ้าง อยู่ย่านปทุมวัน แต่เมื่อก่อนเคยขับวินจักรยานยนต์รับจ้าง อยู่ย่านโชคชัย 4 จึงทำให้มีเพื่อนอยู่แถวนี้ ส่วน ด.ญ.บี ตนรู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อไม่นานมานี้ และเป็นรุ่นน้องของเพื่อนอีกที

อย่าไรก็ตาม นายทีมให้การปฏิเสธเรื่องข่มขืน โดยระบุว่า วันเกิดเหตุ ด.ญ.บี เป็นคนทักแชทข้อความมาหาตน ว่าอยู่แถวสุขาภิบาล 5 ให้มารับ จากนั้นตนจึงขับจักรยานยนต์ไปรับ และถามว่าจะให้พาไปไหน สุดท้ายตกลงไปนั่งเล่นห้องเพื่อน เมื่อไปถึงห้อง เพื่อนได้ออกจากห้องไป จึงทำให้เหลืออยู่กันแค่สองต่อสอง ตนยืนยันว่า ด.ญ.บี เป็นฝ่ายที่ยินยอมเอง ไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างใด

เมื่อมาถึงบ้าน ตนก็เข้าไปอุ้มหลานชายในบ้านออกมา ส่วนลูกสาวยืนอยู่หน้าบ้าน และนายสิทธิพรได้เดินออกมา ก่อนจะพาลูกสาวตนเดินไปข้างบ้าน จากนั้น นายสิทธิพรได้ใช้ปืนยิงลูกสาวทันที 2 นัด จนล้มฟุบจมกองเลือด แล้วนายสิทธิพรได้ใช้ปืนที่ก่อเหตุยิงขมับตัวเองเพื่อตายตาม แต่ยังไม่เสียชีวิต ญาติของผู้ก่อเหตุจึงได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลอาการสาหัส

“แม่ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นและต้องมาสูญเสียลูกสาวไปอย่างไม่มีวันกลับ และหลานชายก็ต้องมาเสียแม่ไป ส่วนสาเหตุไม่ทราบ โดยรู้เพียงว่าลูกสาวกับผู้ก่อเหตุได้เลิกรากันไปแล้วประมาณ 1 เดือน แต่ทั้งคู่ก็ยังไปรับลูกมาดูแลกัน” นางธวัลรัตน์ กล่าว

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร